เลี้ยงลูกอย่างไรเมื่อโตขึ้นให้ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงของโลกสำหรับพ่อแม่

เลี้ยงลูกอย่างไรเมื่อโตขึ้นให้ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงของโลกสำหรับพ่อแม่

วิธีเลี้ยงลูกนับได้ว่าเป็นสิ่งเริ่มต้นที่จะหลอมรวมสร้างเด็กให้เป็นให้เป็นคนเก่งและเป็นดีของสังคมในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและผู้ปกครองต่างต้องให้ความสำคัญกับบุตรหลายเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กขาดความรักและความเอาใจใส่ ทำให้พวกเค้ากลายเป็นเด็กก้าวร้าวได้ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิตอลยังทำให้เกิดช่องว่างระหว่างไวมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วการเลี้ยงลูกจะต้องปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาให้เข้ากับสถานการณ์สังคมโลก จึงจะดีที่สุด บทความนี้จึงขอเป็นอีกหนึ่งช่องทางและกระบอกเสียงในการที่จะช่วยปรับแนวทางการเลี้ยงลูกให้พวกเค้ายสามารถปรับตัวได้ในอนาคตครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปลองดูกันเลยครับ

ผลของการเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคดิจิตอลต่อการเลี้ยงลูก?

การเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างรวดเร็วกับการเลี้ยงดูลูกในยุคดิจิตอลท่ามกลางข้อมูลข่าวสารรอบตัวและการเชื่อมต่อแบบไร้พรมแดน แถมสังคมยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นโจทย์ที่ท้าทายคุณพ่อคุณแม่อยู่ไม่น้อย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ในยุคนี้ต้องให้ความสนใจและดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการที่ถูกที่ควร ป้องกันความดำมืดของโลกโซเชียลที่ทุกวันนี้มีสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ทั้งดีและไม่ดีมากมายที่บุตรหลานของท่านสามารถเข้าถึงได้เพียงคลิ๊กเดียวเท่านั้น 

5 วิธีเลี้ยงลูกให้ปรับตัวทันกับสังคมฉบับมือใหม่ 

1.เสริมสร้างทักษะทางสังคมให้เค้าได้รู้จักกับสิ่งต่างๆ ในปัจจุบัน เนื่องด้วยยุคดิจิตอลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แสดงออกที่ชัดเจน หาข้อมูลได้ง่ายและเข้าถึงสิ่งๆ ต่างได้เพียงคลิ๊กเดียว การเสริมสร้างทักษะให้กับพวกเค้าได้เข้าสังคมจริงๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผ่านหน้าจอ จะทำให้พวกเขากล้าแสดงออก มีความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้เราไม่ควรที่จะปิดกั้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเค้าแต่ให้เปลี่ยนเป็นประกบและให้คำแนะนำจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อการเข้าสังคมของบุตรหลานในอนาคต

2.ปลูกฝังวินัยทางด้านการเงินตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการฝึกการเก็บออม การวางแผนเรื่องการเงินด้วยตัวเอง และพ่อแม่ควรต้องสอนชี้แนะเรื่องต่างๆ ทางด้านการเงิน เช่น เรื่องภาษี เรื่องกฎเกณฑ์พื้นฐานที่มีความจำเป็นต้องรู้ (ไม่ต้องปัดความรับผิดชอบให้แต่โรงเรียนสอนอย่างเดียว) เพื่อที่เค้าจะได้มีองค์ความรู้และไม่ผิดพลาดทางด้านการเงินในอนาคต

3.เรียนภาษาอังกฤษและภาษาที่สามเพื่ออนาคตที่การสื่อสารจะไร้พรมแดนยิ่งขึ้น โดยควรฝึกให้เจ้าหนูน้อยสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียนได้ เพราะในปัจจุบันแนวโน้มของชาติมหาอำนาจ อย่างอเมริกา จีนหรือประเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆ เป็นภาษาที่คนใช้มากที่สุดในโลก ทางที่ดีควรให้ลูกเริ่มเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล เพราะเป็นช่วงวัยที่สมองกำลังพัฒนาเจริญเติบโตเหมาะสมที่สุดซึ่งเด็กจะเรียนรู้ อีกทั้งยังมีความกล้าพูดหรือกล้าแสดงออก หากรอให้โต เขาอาจจะเป็นเด็กขี้อายจนติดเป็นนิสัย และไม่กล้าแสดงออกเลยก็เป็นได้

4.ชวนเด็กๆ ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา ดนตรี วาดภาพหรืออื่นๆ เราควรสร้างโอกาสและสนับสนุนลูกให้ได้ลองทำกิจกรรม หรือฝึกอาชีพหลายๆ อย่าง ตั้งแต่เริ่มจากการทำงานบ้าน ดูแลของใช้ตัวเอง ช่วยพ่อแม่และทั้งนอกบ้านทั้งกิจกรรมที่ลูกอยากทำ และกิจกรรมที่พ่อแม่อยากให้ทำ เพื่ออะไรนะเหรอ? เพื่อให้ลูกได้ฝึกความรับผิดชอบ วินัยและค้นหาตัวเองว่าจริงๆ แล้วตัวเค้าเองมีความถนัดอะไร ชื่นชอบอะไร อยากจะทำอาชีพอะไรในอนาคต ยิ่งลูกได้ทำกิจกรรมมากเท่าไร ก็ยิ่งค้นหาความเก่ง ความสามารถ ความถนัดของตัวเองเร็ว ย่อมส่งผลดีต่อหน้าที่การงานในอนาคตแน่นอน

5.ฝึกให้คิด ปล่อยให้พบเจอกับความผิดพลาดและแก้ไขด้วยตนเอง พ่อแม่ไม่ควรเลี้ยงลูกเป็นไข่ในหิน ควรเลี้ยงให้เค้ารับผิดชอบชีวิตตัวเอง แต่ก็เฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆ เมื่อเค้าโตพอ ควรปลูกฝังให้เค้าคิดเอง แก้ปัญหาเอง ตัดสินใจเอง และเจอความเจ็บปวดเสียใจ ผิดหวังในวันที่เค้าพลาดเอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้เค้าแข็งแกร่งในอนาคต เพราะเค้าได้ลิ้มรสมาทุกรสชาติแล้ว มีภูมิต้านทานที่ดี พร้อมที่จะออกเผชิญโลกกว้าง และเอาตัวรอดได้เองในอนาคต

และนี้คือ “การเลี้ยงลูกเพื่อให้ยอมรับและโตไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกสำหรับพ่อแม่” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกัน หวังว่าจะเป็นปะโยชน์นะครับ